“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาพลิกกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง โดยเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) สร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศขยายกรอบการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์รัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีมาเป็นกรอบ +/- 0.50% (จากเดิม +/- 0.25%) และแม้ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นจะกล่าวว่า การขยายกรอบการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ดังกล่าว ไม่ใช่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาดก็ตีความว่าเป็นการปรับท่าทีไปในเชิงคุมเข้มของธนาคารกลางญี่ปุ่น
ทั้งนี้เงินบาทลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากที่เงินดอลลาร์ ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งทำให้มีความกังวลว่า เฟดจะคงส่งสัญญาณนโยบายการเงินแบบคุมเข้มต่อไป
ในวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.74 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 34.98 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (16 ธ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 19-23 ธ.ค. 2565 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,051 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 25,461 ล้านบาท (ขายสุทธิ 11,794 ล้านบาท และตราสารหนี้ที่หมดอายุ 13,667 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (26-30 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 34.50-35.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออก และรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือน พ.ยคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อตทุกค่ายไม่ต้องสมัคร. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีน และการเคลื่อนไหวของสกุลเงินเอเชีย
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือน ต.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน พ.ยคำพูดจาก ทดลองเล่น. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามสัญญาณและท่าทีต่อทิศทางนโยบายการเงินของผู้ว่าการ BOJ และข้อมูลกำไรภาคอุตสหกรรมเดือน พ.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน