Thu. Sep 19th, 2024
0 0
Read Time:5 Minute, 34 Second

สื่อต่างประเทศยังคงติดตามสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุด รายการ Amanpour ซึ่งเป็นรายการระดับเรือธงของสื่อต่างประเทศเจ้าใหญ่อย่าง CNN ได้สัมภาณ์ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถึงกรณีที่ไม่สามารถชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาได้แม้ชนะการเลือกตั้ง

โดย คริสเตียน อามันพัวร์ ผู้ดำเนินรายการ กล่าวเปิดช่วงก่อนสัมภาษณ์ว่า “ลองจินตนาการว่าคุณชนะการเลือกตั้ง แต่ถูกรัฐสภาขัดขวางไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นคือสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับประเทศไทย”

ชัยธวัช” ปฏิเสธข่าวแกนนำก้าวไกล บินเจรจา “ทักษิณ”

แฉไทม์ไลน์ “ทักษิณ” เชื่อมโยงการเมือง ก่อนมีข่าวกลับไทย!

“อุ๊งอิ๊งค์”เผย “ทักษิณ” กลับไทย 10 ส.ค.นี้ ที่สนามบินดอนเมือง คำพูดจาก เว็บตรง PG SLOT

นั่นทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนได้ออกมาชุมนุมแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นำมาสู่คำถามที่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

อามันพัวร์: “จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้สนับสนุนของคุณและผู้ประท้วงที่ลงถนน เกี่ยวกับแนวคิดเรื่องประชาธิปไตยของประเทศ หากผู้ที่ชนะการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นนายกฯ”

พิธา: “ผมคิดว่าสิ่งที่กลุ่มผู้ประท้วงกำลังเรียกร้องว่า ในระบอบประชาธิปไตยใดก็ตาม ใครที่ชนะการเลือกตั้งมา ควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีทั้งอำนาจและความชอบธรรมในการเป็นผู้นำ แต่สถานการณ์ของไทยในปัจจุบัน คือการปะทะกันระหว่าง ผู้ที่ได้รับเลือกมา กับ ผู้ที่ถูกแต่งตั้งมา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งผมเป็นผู้ชนะ กับสมาชิกวุฒิสภา ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารที่มาจากการรัฐประหาร เพราะอย่างนั้น ในการเลือกนายกรัฐมนตรี จะต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งผู้ที่ได้รับการและผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งมา นั่นคือภูมิทัศน์ทางการเมืองแบบไทย ๆ โดยสรุป”

อามันพัวร์ถามต่อถึงเรื่องที่พิธาอาจทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ในเรื่องของการถือครองหุ้นสื่อ

พิธา: “มันเป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อขัดขวางการชิงตำแหน่งนายกฯ ของผม ความจริงคือผมไม่ได้ถือหุ้นด้วยซ้ำ แต่หุ้นของคุณพ่อที่เสียไปแล้ว และเป็นสื่ที่ปิดตัวไปแล้วตั้งแต่ 17 ปีก่อน และผมจะไม่มีวันได้รับผลประโยชน์ทางการเมืองใด ๆ จากการถือหุ้นนี้ในฐานะผู้จัดการมรดก และบังเอิญเหลือเกินว่า คำร้องนี้ได้รับการตัดสินเพียง 2 ชั่วโมงก่อนการเลือกนายกฯ ในสภา เป็นความบังเอิญที่ทำให้ทั้งสื่อไทยและสื่อต่างประเทศเกิดความกังขาและติดตามการเมืองไทยอย่างใกล้ชิด”

อามันพัวร์: “ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เพราะมีคนบอกว่าคุณอาจจะโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่มีใครต้องการให้คุณเป็นนายกฯ หรืออาจจะไม่มีโอกาสจะเป็นนักการเมืองในสภาอีกด้วยซ้ำ คุณจะใช้คำกล่าวเหล่านี้เป็นประโยชน์กับตัวเองมั้ย? จะคืนชีพตำแหน่งทางการเมืองของตัวเองกลับมาได้มั้ย?”

พิธา: “อย่างแรกเลยคือ การเสนอชื่อผมเป็นนายกฯ ยังเป็นไปได้อยู่ คำร้องทั้งหลายที่ผมโดน ถามว่าผมจะทำอะไรได้? อย่างน้อยที่สุดเลยคือ สิทธิในการอุทธรณ์ สิทธิในการชี้แจง สิทธิในการบอกเล่าเรื่องราวในมุมของผม นั่นคือสิ่งเล็กน้อยที่สุดที่ผมจะขอได้ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รับสิ่งใดตามที่กล่าวมาเลย ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง หรือการอุทธรณ์คำร้องที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อขัดขวางผมและการชิงตำแหน่งนายกฯ ของผม แต่ก็ต้องรอดูต่อไปว่า จะมีการเรียกจากศาลรัฐธรรมนูญให้ผมไปชี้แจงหรือไม่ เพื่ออธิบายเหตุที่ผมได้รับหุ้นสื่อเป็นมรดกจากพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วในฐานะผู้จัดการมรดก”

อามันพัวร์: “ผู้สนับสนุนบางคนของคุณบอกว่า บางทีคุณอาจขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะหนึ่งในข้อโต้แย้งที่คุณเจอ คือเรื่องของการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เคยเสียใจในเรื่องนี้มั้ย”

พิธา: “ไม่เลย ผมคิดว่าสำหรับประเทศไทย ในการที่จะยังคงเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่คือเป้าหมายของทุกคนในไทย ไม่มีการปกครองอื่น แต่การจะไปให้ถึงจุดนั้นของประเทศไทยมีความแตกต่าง บางคนที่คัดค้านความพยายามของผมในการแก้ไข ม.112 บอกว่า เป็นการเปิดทางให้วิจารณ์เบื้องสูง แต่สำหรับเรา หากมีการแก้ ม.112 ให้ทัดเทียมกับสากลโลก ที่ไม่อนุญาตให้คู่แข่งทางการเมืองดึงเบื้องสูงลงมา และใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายคู่แข่ง ดังนั้น สิ่งที่เราจะทำคือการธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และให้พระองค์ทรงอยู่เหนือการเมือง แบบเดียวกับประเทศอื่นที่เป็นระบอบดังกล่าว แต่บางคนใช้เรื่องนี้เป็นอาวุธในการทำลายเรา ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย ถ้าคุณได้ติดตามสถานการณ์การเมืองไทยอย่างใกล้ชิด ในทุกทศวรรษ 10 20 30 ปีก่อน เบื้องสูงจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามจะหยุด เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากข้อขัดแย้งทางการเมืองและมุ่งเป้าไปที่การเป็นสมาชิกที่เข้มแข็งในประชาคมโลก”

อามันพัวร์: “ที่คุณบอกว่าไทยถูกปกครองโดยรัฐบาลทหารมาตั้งแต่มีการรัฐประหาร 2014 แค่เรื่องนี้หรือเปล่าที่พวกเขากลัวคุณ หรือมีนโยบายอื่นที่ทำให้คู่แข่งทางการเมืองหรือรัฐบาลเดิม ต้องการที่จะหยุดคุณ”

พิธา: “นั่นคือเหตุผลที่พรรคของผมดำรงอยู่ พรรคก้าวไกลสามารถอธิบายได้ด้วยประโยคเดียว คือ 3D ประกอบด้วย Demonopolize (ขจัดการผูกขาด), Decentralize (กระจายอำนาจ) และ Demilitarize (ลดอำนาจทหาร) ซึ่งต้องการการปฏิรูปเพื่อนำทหารออกจากการเมืองไทย ทำให้มั่นใจว่าทหารมีความเป็นมืออาชีพ และก้าวทันความท้าทายของศตวรรษที่ 21 รวมถึงขจัดการผูกขาดโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และระบบราชการ ต้องกระจายอำนาจไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ของไทย กรุงเทพไม่ใช่ประเทศไทย และประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพ ดังนั้นคุณน่าจะนึกภาพออกว่า มันจะมีการต่อต้านจากฝ่ายทหาร ทุนนิยมสีกากี และระบบราชการ แต่ผมคิดว่า ถ้าผมมีเวลามากพอ ในการโน้มน้าวหรืออธิบายว่านี่จะเป็นสถานการณืที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ และเป็นทางออกของไทยในการเดินไปข้างหน้า ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายในระดับโลก”

อามันพัวร์: “2 คำถามสุดท้าย จะบอกอะไรกับผู้สนับสนุน และจะให้การเห็นชอบกับการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคอันดับสองหรือไม่?”

พิธา: “ถึงผู้สนับสนุน เราจะชนะอย่างแน่นอน อาจจะไม่ใช่ในทันทีทันใด เราจะค่อย ๆ สะสมชัยชนะเล็ก ๆ และนำประเทศไปข้างหน้า และใช่ ผมเห็นชอบกับการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคอันดับ 2 เพื่อไทย เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของเป้าหมายส่วนตัวว่าผมต้องการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่คือการหยุดประเทศไทยจากวังวนของระบอบเผด็จการทหาร และถึงเหล่าผู้สนับสนุน ผู้ชุมนุม ผมเชื่อในสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติ และเป็นส่วนสำคัญสำหรับประเทศประชาธิปไตยทุกแห่ง ไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกตั้ง แต่ต้องมีเสรีภาพสื่อ และสิทธิในการชุมนุม”

ชมคลิปเต็มจาก CNN ที่นี่

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin