Fri. Sep 20th, 2024
0 0
Read Time:6 Minute, 28 Second

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซียได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสงครามในยูเครนหลายครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ออกมาเป็นเวลาหลายเดือนสิ่งหนึ่งที่กลายเป็นประเด็นคือ การเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงคราม

หลังจากผู้นำทั้งฝ่ายรัสเซียและยูเครนต่างออกมายืนกรานว่าพร้อมจะเจรจา แต่ต้องเจรจาบนข้อเสนอที่ต่างคนต่างเป็นผู้เสนอเท่านั้นและไม่ยอมรับเงื่อนไขของอีกฝ่าย ล่าสุด ทางการรัสเซียออกมาระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะหยิบยกประเด็นการเจรจาสันติภาพสงครามในยูเครนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง อันดับ1

รัสเซียชี้สหรัฐมัดมือยูเครน "ห้ามหยุดยิง" ทำให้สงครามยืดเยื้อ

"รัสเซีย" เตรียมเสริมกำลังพลทำสงคราม หลังเพิ่มเพดานอายุเกณฑ์ทหาร

ระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียได้ออกมาระบุเกี่ยวกับประเด็นสงครามในยูเครน โดยระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณว่าจะเปิดเจรจาสันติภาพยุติสงครามยูเครนได้ และการเจรจาสันติภาพยังไม่ใช่ประเด็นที่จะหยิบยกขึ้นมาในขณะนี้ นอกจากนี้ โฆษกรัฐบาลรัสเซียยังอ้างว่าเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะเปิดการเจรจาได้ยิ่งลดลงหลังจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนออกกฤษฎีกาให้การเจรจากับรัสเซียเป็นไปไม่ได้ในทางกฎหมายเมื่อเดือนตุลาคม 2022

ยิ่งไปกว่านั้น การที่ยูเครนต้องการเจรจายุติสงครามบนฐานของ “สูตรสันติภาพ 10 ประการ” หรือ 10-point peace plan ซึ่งไม่ได้รวมข้อเสนอของรัสเซียเข้าไปถือเป็นเรื่องเหลวไหล

การออกมากล่าวเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพของรัสเซีย เกิดขึ้นหลังจากที่เกิดการตอบโต้ไปมาระหว่างวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียและโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ประเด็นการเจรจาสันติภาพถูกหยิบยกกลับขึ้นมาอีกครั้งคือเมื่อวันอังคารที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมาในระหว่างการประชุมของเจ้าหน้าที่กลาโหมระดับสูงรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวว่า รัสเซียพร้อมจะเจรจาหยุดทำสงครามในยูเครน

แต่การเจรจาจะต้องสอดคล้องกับผลประโยชน์แห่งชาติของรัสเซียเท่านั้น และรัสเซียจะไม่ยอมเสียสิ่งที่เป็นของรัสเซียไป

หมายความว่าเงื่อนไขที่รัสเซียจะยอมเจรจายุติสงครามคือ คาบสมุทรไครเมียและ 4 แคว้นของยูเครนที่รัสเซียผนวกไปจากยูเครนอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งได้แก่ โดเนตสก์ ลูฮันสก์ สองแคว้นในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน และซาโปริซเซีย เคอร์ซอน สองแคว้นทางภาคใต้ จะต้องเป็นของรัสเซีย และอำนาจอธิปไตยของรัสเซียเหนือดินแดนเหล่านี้จะต้องได้รับการยอมรับตามที่รัสเซียต้องการ

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีปูตินยังได้เน้นย้ำอีกครั้งว่ารัสเซียจะยังคงไม่ละทิ้งเป้าหมายของสิ่งที่รัสเซียเรียกว่า ‘ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร’ ต่อยูเครน นั่นก็คือยูเครนต้องปลอดนาซี ปลอดทหาร และเป็นกลาง ถือเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ที่ผู้นำรัสเซียออกมากล่าวเช่นนี้

ในวันเดียวกัน ระหว่างงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนช่วงท้ายปีที่กรุงเคียฟ ประธานาธิบดีเซเลนสกีก็ได้ออกมาระบุ โดยคาดว่าอ้างถึงคำกล่าวของประธานาธิบดีปูตินว่า หากเป้าหมายในการทำสงครามของรัสเซียยังคงไม่เปลี่ยนไป ก็หมายความว่ารัสเซียยังไม่ต้องการสันติภาพ

พร้อมระบุว่า ยังเป็นไปไม่ได้ที่ยูเครนจะเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย เนื่องจากรัสเซียยังแสดงถึงเจตนาที่จะเข่นฆ่าคนยูเครนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังไม่ได้สัญญาณจากรัสเซียว่าต้องการเจรจาด้วย

ทั้งนี้ ผู้นำยูเครนยังคงยืนยันจุดยืนในการเจรจาสันติภาพเหมือนเดิมตามสูตรสันติภาพ 10 ประการ ซึ่งส่วนหนึ่งของแผนระบุว่า จะต้องฟื้นคืนบูรณภาพทางดินแดนของยูเครนกลับคืนตามเดิม ก่อนรัสเซียผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอย่างผิดกฎหมายเมื่อปี 2014

นั่นก็คือ รัสเซียต้องคืนคาบสมุทรไครเมียและ 4 แคว้นที่ผนวกไปเมื่อปี 2022 ให้แก่ยูเครน โดยที่รัสเซียต้องรับรองเขตแดนตามที่ยูเครนเสนอและเป็นคำขาดของยูเครนที่ไม่สามารถต่อรองได้ หมายความว่ายูเครนจะไม่ยอมแลกดินแดนส่วนที่ประชาคมระหว่างประเทศรับรองในทางกฎหมายว่าเป็นของยูเครน เพื่อแลกกับการเจรจาสันติภาพเพื่อหยุดการรุกรานของรัสเซีย

นี่จึงทำให้โฆษกรัฐบาลรัสเซียออกมาตอบโต้ว่าการเจรจาสันติภาพยังไม่ใช่ประเด็นที่จะหยิบยกมาในขณะนี้ และรัสเซียจะไม่ยอมเจรจาบนเงื่อนไขของยูเครนอย่างแน่นอน

การหยิบยกประเด็นการเจรจาสันติภาพยุติสงคราม รวมถึงท่าทีที่มั่นใจและแข็งกร้าวขึ้นของรัสเซีย เกิดขึ้นในวันที่พันธมิตรคนสำคัญอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ยังไม่สามารถส่งความช่วยเหลือทางการทหารชุดใหม่มาให้ยูเครนได้

ล่าสุดประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่า สหรัฐฯ จะสามารถผ่านร่างงบสนับสนุนยูเครนออกมาได้แน่นอน

นอกเหนือจากประเด็นการยุติสงครามในยูเครนแล้ว อีกประเด็นที่ประธานาธิบดียูเครนออกมาระบุเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาคือ ความช่วยเหลือจากชาติพันธมิตรรายใหญ่อย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่ล่าช้ามาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว

โดยประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาระบุว่า เขามั่นใจว่าสหรัฐฯ จะไม่หักหลังยูเครน และจะสามารถผ่านร่างงบประมาณสนับสนุนยูเครนได้อย่างแน่นอน ส่วนสหภาพยุโรปก็จะอนุมัติออกมาได้เช่นกันในท้ายที่สุด เพียงแค่ต้องรอเวลาเท่านั้น

ที่ผ่านมา ความล่าช้าในการส่งความช่วยเหลือทางการทหารของชาติพันธมิตรรายสำคัญอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ได้สร้างความกังวลให้แก่หลายฝ่ายว่าจะส่งผลให้ยูเครนเพลี่ยพล้ำในสมรภูมิรบหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ทำเนียบขาวออกมาเตือนหลายครั้งแล้วว่า งบสนับสนุนยูเครนส่วนที่เคยอนุมัติไว้กำลังจะหมดลงภายในสิ้นปีนี้

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้เสนอร่างบประมาณสนับสนุนยูเครนเพิ่มเติมมูลค่า 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

แต่สาเหตุที่ยังไม่สามารถผ่านความช่วยเหลือออกมาได้ เนื่องจากถูก ส.ว.พรรครีพับลิกันโหวตคว่ำไป เพื่อสร้างข้อต่อรองให้พรรคเดโมแครตยอมปรับรายละเอียดนโยบายความมั่นคงชายแดนที่อยู่ในร่างฉบับเดียวกันให้เข้มงวดขึ้น

ล่าสุด สำนักข่าว เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ออกมายืนยันแล้วว่า การพิจารณาร่างงบช่วยเหลือยูเครนของวุฒิสภาสหรัฐฯ เกิดขึ้นไม่ทันภายในปลายปีนี้และจะมีขึ้นในปีหน้า

ส่วนสหภาพยุโรป สาเหตุที่ยังไม่สามารถอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือยูเครนมูลค่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐได้ เพราะนายกรัฐมนตรีฮังการียังคงคัดค้านอยู่

ขณะเดียวกันก็เริ่มมีรายงานออกมาจากแนวรบว่า กำลังขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่จนต้องลดขนาดปฏิบัติการในบางแนวรบลง

ความล่าช้าในการส่งความช่วยเหลือทางการทหารของชาติพันธมิตร ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ชาติพันธมิตรเริ่มเผชิญกับภาวะล้าสงคราม หรือ war fatigue แล้วหรือไม่

อย่างไรก็ดี ผู้นำยูเครนเชื่อว่าชาติพันธมิตรโดยเฉพาะสหรัฐฯ จะไม่ทำให้ยูเครนผิดหวัง พร้อมระบุว่ายูเครนจะยังไม่ยอมแพ้และจะได้รับชัยชนะมาในที่สุด

สำหรับแผนการทำสงครามต่อไปในอนาคต ประเด็นหนึ่งที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีออกมาเปิดเผยคือ ฝ่ายทหารได้เสนอให้วางแผนเตรียมระดมพลทหารเพิ่มอีก 450,000-500,000 นาย อย่างไรก็ดี ผู้นำยูเครนระบุว่านี่ยังเป็นเพียงแค่แผนเท่านั้น เพราะการเรียกระดมพลเพิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ ถือเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากและต้องพิจารณาอย่างจริงจังถี่ถ้วนก่อน

โดยฝ่ายทหารและฝ่ายรัฐบาลต้องหารือเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจได้ว่าจะรียกระดมพลเพิ่มหรือไม่ หลังผู้นำยูเครนออกมาเปิดเผยถึงความเป็นไปได้ในการที่จะเรียกระดมพลเพิ่ม ประชาชนชาวยูเครนก็ได้ออกมาแสดงความเห็น

ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า กองทัพยูเครนจำเป็นต้องระดมพลเพิ่มเพราะมีกำลังสำรองไม่เพียงพอ ขณะที่อีกส่วนกลับมองว่าการระดมพลอาจไม่มีประสิทธิภาพนักหากมีอาวุธไม่เพียงพอสำหรับทหารทุกคน

นอกจากนี้ ประธานาธิบดียูเครนยังระบุว่า ยูเครนมีแผนจะผลิตโดรนประเภท FPV (First Person View) หรือโดรนขนาดเล็กในปีหน้าอีกจำนวน 1 ล้านลำ เพื่อทดแทนปริมาณกระสุนปืนใหญ่ที่ไม่เพียงพออีกด้วย

โตโยต้า เตรียมหยุดขาย-เรียกคืนรถยนต์ 2 รุ่น ในไทยหลังพบความผิดปกติใหม่

พม.เสนอครม.เคาะ 4 แพ็กเกจของขวัญปีใหม่คนพิการ-ผู้สูงอายุ

กางปฏิทินจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ค่าจ้างลูกจ้างประจำ บำนาญ ปี 2566

Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
0 %

By admin